วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทำไมครูถึงไม่บอกสิ่งที่หนูอยากรู้

ทำไมครูถึงไม่บอกสิ่งที่หนูอยากรู้

         วันที่ 7-8 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้ไปศึกษาดูงานมา และรวมกับสิ่งที่ได้พบได้เห็นแล้วเจอมากับตัวตั้งแต่เล็กจนถึงปัจจุบันแล้วเกิดคำถามว่า "เวลานักเรียนเขาอยากรู้ทำไมครูบางคนถึงไม่แนะนำหรืออธิบาย ?"

โดยธรรมชาติของการเรียนรู้ มี 4 ขั้นตอน คือ
 1. ความต้องการของผู้เรียน (Want) คือ ผู้เรียนอยากทราบอะไร เมื่อผู้เรียนมีความต้องการอยากรู้อยากเห็นในสิ่งใดก็ตาม จะเป็นสิ่งที่ยั่วยุให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้

 2. สิ่งเร้าที่น่าสนใจ (Stimulus) ก่อนที่จะเรียนรู้ได้ จะต้องมีสิ่งเร้าที่น่าสนใจ และน่าสัมผัสสำหรับมนุษย์ ทำให้มนุษย์ดิ้นรนขวนขวาย และใฝ่ใจที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่น่าสนใจนั้นๆ

 3. การตอบสนอง (Response) เมื่อมีสิ่งเร้าที่น่าสนใจและน่าสัมผัส มนุษย์จะทำการสัมผัสโดยใช้ประสาทสัมผัสต่างๆเช่น ตาดู หูฟัง ลิ้นชิม จมูกดม ผิวหนังสัมผัส และสัมผัสด้วยใจ เป็นต้น ทำให้มีการแปลความหมายจากการสัมผัสสิ่งเร้าเป็นการรับรู้ จำได้ ประสานความรู้เข้าด้วยกัน มีการเปรียบเทียบ และคิดอย่างมีเหตุผล

 4. การได้รับรางวัล (Reward) ภายหลังจากการตอบสนอง มนุษย์อาจเกิดความพึงพอใจ ซึ่งเป็นกำไรชีวิตอย่างหนี่งจะได้นำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตแล้ว ยังจะได้รับเกียรติยศจากสังคมเป็นศักดิ์ศรี และความภาคภูมิใจทางสังคมได้ประการหนึ่งด้วย

              เพราะฉะนั้นการเรียนรู้นั้น ถ้าคนเกิดการอยากรู้ในสิ่งใดๆแล้ว ถ้าได้รู้ในตอนที่อยากรู้นั้นจะทำให้จดจำความรู้นั้นๆได้เกือบจะตลอดชีวิต แถมนักเรียนก็อยากรู้เองโดยครูไม่ต้องเร้า หรือกระตุ้นใดๆ ถ้าครูบอกดีดีหรืออธิบายยังได้แถมโปรโมชั่นเพิ่มเติมกับนักเรียนร่วมห้องก็ได้รู้เรื่องนั้นๆด้วย ถึงเรื่องอาจจะไม่ตรงกับวิชาที่เรียนก็ตาม ครูบางคนก็ดุว่า "ตอนนี้เรียนเรื่องนี้อยู่ไม่ควรรู้เรื่องนั้น" บางคนก็ดุอย่างเดียว บางคนก็บอกว่า "เอาไว้ก่อนนะเรามาเรียนเรื่องนี้กันต่อดีกว่า" หรือครูบางคนก็จ้องทำหน้าไม่พอใจแล้วก็สอนต่อไป
คุณก็ลองคิดซิถ้าเป็นคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้น

 ผู้เขียนคิดว่าสิ่งที่จะเกิดตามมา คือ
  • ความกล้าที่จะตั้งคำถามในประเด็นที่ต่างออกไปจะหายไปไม่มากก็น้อย
  • นักเรียนจะขาดกำลังที่จะคิดเรียนรู้สิ่งใหม่
  • ลดประสิทธิภาพในการเรียนรู้
              ซึ่งผู้เขียนไปได้เห็นโรงเรียนที่ได้สอนนักเรียนให้รู้ในสิ่งที่ต้องรู้ตามหลักสูตรและตัวชี้วัดมาและยังให้โอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้สิ่งอื่นที่หลักสูตรและตัวชี้วัดไม่ได้บอกไว้แล้วนักเรียนก็มีความสุขระหว่างเรียนแล้วผลสัมฤทธิทางการศึกษาก็ดีขึ้นทุกปีอีกด้วย

    บทความนี้ผู้เขียนหวังว่าจะได้กระตุ้นอะไรสักอย่างในแง่ดีกับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย


เขียนโดย นายวีรพงศ์ นกสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น