บทความการศึกษา
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.htmlอ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.htmlอ
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom)
ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom)
หมายถึงการเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยใช้ช่องทางของระบบการ
สื่อสารและอินเทอร์เน็ต
ผู้เรียนสามารถใช้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตเข้าไปเรียนใน
เว็บไซต์
ที่ออกแบบกระบวนการเรียนการสอนให้มีสภาพแวดล้อมคล้ายกับเรียนในห้องเรียนแบบ
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและผู้เรียนกับผู้เรียน
โดยมีบรรยากาศเสมือนพบกันจริง
กระบวนการเรียนการสอนจึงไม่ใช่การเดินทางไปเรียนในห้องเรียนแต่เป็นการเข้า
ถึงข้อมูลเนื้อหาของบทเรียนได้โดยผ่านคอมพิวเตอร์
ห้องเรียนเสมือนสามารถจำแนกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
จัดการเรียนการสอนในห้องเรียนธรรมดา
แต่มีการถ่ายทอดสดภาพและเสียงเกี่ยวกับเนื้อหาของบทเรียนโดยอาศัยระบบโทร
คมนาคมและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกว่า Online
ไปยังผู้เรียนที่อยู่นอกห้องเรียน
นิสิตสามารถรับฟังและติดตามการสอนของผู้สอนได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของตน
เองอีกทั้งยังสามารถโต้ตอบกับอาจารย์ผู้สอนหรือเพื่อนนิสิตที่อยู่คนละแห่ง
ได้
ห้องเรียนเสมือนเป็นการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่าย
ที่อาศัยประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการสื่อสสารและอินเทอร์เน็ต
การเรียนการสอนจึงต้องมีการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของผู้เรียนเข้ากับเครือ
ข่ายคอมพิวเตอร์การเรียนการสอนทำได้โดยผู้เรียนใช้คอมพิวเตอร์
เข้าสู่เว็บไซต์
ของห้องเรียนเสมือนและดำเนินการเรียนตามกิจกรรมที่ผู้สอนได้ออกแบบไว้
ห้องเรียนลักษณะนี้เรียกว่า ห้องเรียนเสมือนที่แท้
การเข้าสู่เว็บไซต์ห้องเรียนเสมือนนี้ ภาพที่ปรากฏเป็นหน้าแรก เรียกว่า
โฮมเพจ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นชื่อรายวิชาที่สอน ชื่อผู้สอน
และข้อความสั้นๆต่างๆที่เป็นหัวข้อสำคัญในการเรียนการสอนเท่านั้น
โฮมเพจนี้จะถูกออกแบบต่างๆให้มีความสวยงามด้วยภาพถ่าย ภาพกราฟิก
ตัวอักษรและการให้สีสันเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เรียน
ข้อความสั้นๆที่จัดเรียงอยู่ในหน้าโฮมเพจได้ถูกเชื่อมโยงไปสู่หน้าเว็บเพจ
ซึ่งเป็นหัวข้อย่อยและเชื่อมโยงไปสู่เว็บเพจรายละเอียด
ซึ่งเป็นข้อมูลการเรียนการสอนในแต่ละส่วนตามลำดับความสำคัญ
โดยผู้เรียนเพียงคลิกเม้าท์เลือกเรียนในหัวข้อซึ่งเป็นเนื้อหาหรือกิจกรรม
การเรียนการสอนที่ตนเองสนใจได้ตามต้องการ เช่น เว็บเพจประกาศข่าว
เว็บเพจประมวลวิชา เว็บเพจเนื้อหา เว็บเพจแสดงความคิดเห็น
เว็บเพจสรุปบทเรียน เว็บเพจตอบปัญหา เว็บเพจแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
เว็บเพจการประเมินผล และเว็บเพจอื่นๆตามที่ถูกออกแบบไว้
ข้อจำกัดของการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนมีหลายประการดังนี้
1. อุปกรณ์และซอฟแวร์ในการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือน
มีราคาแพง ดังนั้น
การเรียนการสอนด้วยวิธีนี้จึงมีข้อจำกัดในกลุ่มนักเรียนและโรงเรียนหรือ
สถาบันการศึกษาที่มีฐานะค่อนข้างดี
2. มีความล่าช้าในการรอข้อมูลย้อนกลับ
การเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนมักจะเป็นการเรียนต่างเวลาตามความพร้อมของ
ผู้เรียนและผู้สอน
ดังนั้นนักเรียนจึงไม่สามารถได้รับคำตอบโดยทันทีเมื่อต้องการซักถามผู้สอน
ซึ่งแตกต่างจากการเรียนการสอนในห้องเรียนแบบปกติที่สามารถโต้ตอบกันได้โดย
ทันที
3. ผู้เรียนต้องมีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี
มิฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นอุปสรรคสำคัญในการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือ
นปฎิสัมพันธ์ทางการเรียนไม่มีความเป็นธรรมชาติและมีน้อยเกินไป
แม้ว่าการเรียนการสอนแบบห้องเรียน
4.
เสมือนจะมีช่องทางที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เรียน
อื่นๆได้ แต่มนุษย์ก็ยังต้องการ การติดต่อสื่อสารที่เห็นหน้า เห็นตา ท่าทาง
และการแสดงออกในลักษณะต่างๆเพื่อให้เกิดความรู้สึก
ความเข้าใจและความเชื่อมั่นทางความคิด
ซึ่งการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนไม่สามารถตอบสนองข้อสงสัยหรือให้คำชี้
แนะโดยทันทีอย่างไม่มีอุปสรรค
5. ผู้เรียนส่วนใหญ่ยังขาดความรับผิดชอบในการเรียนด้วยตนเองซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญในการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือน
การจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนนับเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่ช่วย
ลดข้อจำกัดในด้านต่างๆทางการศึกษาได้เป็นอย่างดี
ทำให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความพอใจ ตามความพร้อมทั้งทางด้านเวลา
สถานที่และความสามารถทางสติปัญญา การเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนนี้
สามารถจัดได้ทั้งแบบการศึกษาในโรงเรียน นอกโรงเรียน
และการศึกษาตามอัธยาศัยส่งผลให้คนส่วนใหญ่สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการจัดห้องเรียนเสมือนอยู่อีกมาก
เช่น ระบบบริหารจัดการของห้องเรียนการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการเรียน
และสิ่งที่การเรียนในห้องเรียนเสมือนไม่มีก็คือ
ปฏิสัมพันธ์ทางด้านสังคมระหว่างผู้เรียนด้วยกัน
สิ่งเหล่านี้คือคำถามที่ต้องคิดว่าห้องเรียนเสมือนจะทำให้เกิดขึ้นได้อย่าง
ไร
แม้ว่าต้นทุนในการจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนจะสูงมาก
แต่ถ้าหากมีการบริการจัดการจนมีประสิทธิภาพและเป็นที่แพร่หลายแล้ว
ผลกำไรจะเกิดขึ้นกับสังคมและประเทศชาติในรูปของคนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับ
ความรู้ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาส่วนต่างๆของประเทศให้มีความเจริญก้าว
หน้าต่อไปในอนาคต
ความคิดรวบยอด
ห้องเรียนเสมือน เป็นการจัดสิ่งแวดล้อมในความว่างเปล่า
(space) โดยอาศัยศักยภาพของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
เพื่อให้เป็นการจัดประสบการณ์เสมือนจริงแก่ผู้เรียน
นอกจากนั้นยังมีสิ่งสนับสนุน
อื่นๆที่จะช่วยทำให้การมีปฏิสัมพันธ์แบบเผชิญหน้าที่บางโอกาสอาจจะเป็นไปไม่
ได้หรือเป็นไปได้ยากนั้นสามารถกระทำได้เสมือนบรรยากาศการพบกันจริงๆกระบวน
การทั้งหมดดังที่กล่าวมานี้มิใช่เป็นการเดินทางไปโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย
แต่จะเป็นการเข้าถึงทางด้านการพิมพ์การอ่านข้อความหรือข้อมูลผ่าน
คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟแวร์เพื่อควบคุมการ
สร้างบรรยากาศแบบห้องเรียนเสมือน การมีส่วนร่วมจะเป็นแบบภาวะต่างเวลา
ซึ่งทำให้มีผู้เรียน
ในระบบห้องเรียนเสมือนสามารถเชื่อมต่อเข้าไปศึกษาได้ทุกที่ทุกเวลา
ห้องเรียนเสมือน
หมายถึง การจัดประสบการณ์เรียนรู้ในรูปแบบของ software
โดยมีวัตถุประสงค์
ที่จะช่วยสนับสนุนให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้โดยสามารถเลือกเวลา
และสถานที่ที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการจัดห้องเรียน
รวมถึงการประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการเรียน
รู้หรือไม่ นอกจากนั้นสิ่งที่เราเรียนในห้องเรียนเสมือนมีคือ
การปฏิสัมพันธ์หรือสังคมระหว่างผู้เรียนด้วยกัน
เป็นสิ่งที่ต้องคิดว่าห้องเรียนเสมือนจะทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร
เนื่องจากการเรียนการสอนแบบเดิมมีข้อจำกัด ดังนี้
1. สถานที่จำกัดเฉพาะในห้องเรียน
2. การเรียนรู้จำกัดเฉพาะกับครู ผู้เรียน และตำรา
3. เวลาในการจัดการเรียนการสอน
4. โอกาสในการเรียนการสอน สถานที่เรียนไม่เพียงพอผู้ประสงค์จะเรียน
5. สัดส่วนของครูและนักเรียนไม่เหมาะสม
เป้าหมายของห้องเรียนเสมือนเป็นการเปิดโอกาสให้บุคคลสามารถเข้าถึงและได้รับ
การศึกษาหลังมัธยมศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
เป้าหมายเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงเข้ากับคำกล่าวที่ว่า
“ถ้าคุณไม่ได้เข้าชั้นเรียนบางทีอาจจะทำให้คุณเรียนได้ไม่มาก”
นอกจากนั้นเป้าหมายประการสำคัญ
ทีสอดคล้องและเป็นปัจจัยของห้องเรียนเสมือนคือ การเรียนแบบร่วมมือ
(Cooperative learning)
เป้าหมายพัฒนาโอกาสของการเข้าถึงการศึกษาอาจจะพิจารณาแนวคิดกว้างๆที่เกี่ยว
กับห้องเรียนเสมือนในประเด็นต่างๆต่อไปนี้
1. ทำเลเป้าหมาย
ผู้เรียนอาจจะเลือกเรียนรายวิชาใดๆจากผู้สอนคนใดคนหนึ่งทั่วโลกหากมีการเปิด
โอกาสให้ลงทะเบียนเรียนได้โดยไม่มีขีดจำกัดในเรื่องพื้นที่
2. เวลาที่ยืดหยุ่น
ผู้เรียนอาจจะมีส่วนร่วมได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนการได้
รับข้อมูลย้อนกลับจากผู้สอนและเพื่อนที่เรียนร่วมกันจะไม่มีข้อจำกัดเรื่อง
เวลา
3. ไม่มีการเดินทาง
ผู้เรียนสามารถทำงานและศึกษาอยู่ที่บ้านได้อย่างสะดวกสบายซึ่งอาจจะเป็นข้อ
ดีสำหรับผู้เรียนที่มีอุปสรรค
อันเนื่องมาจากความพิการทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางหรือแม้แต่ผู้เรียน
ที่มีภาระด้านครอบครัว
ปัจจัยประการนี้นับเป็นโอกาสที่ทำให้ทุกคนมีทางเลือกและความสะดวกสบาย
4. ประหยัดเวลา ผู้เรียนที่จำเป็นต้องเดินทางไปสถานศึกษาถ้าเรียนจากห้องเรียนเสมือนจะประหยัดการเดินทาง
5. ทำงานร่วมกัน ด้วยภาพทางเทคโนโลยี
ทำให้ผู้เรียนสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้ง่ายดาย
ในขณะที่การแลกเปลี่ยนข้อมูลในห้องเรียนปกติ กระทำได้ยาก
ผู้เรียนในระบบห้องเรียนเสมือนจะสามารถอธิบายปัญหาร่วมกัน
แลกเปลี่ยนโครงงานซึ่งกันและกันได้
6. โอกาสการมีส่วนร่วม
ด้วยระบบสื่อสารด้วยคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลาง
สามารถเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน ในการถามคำถาม
การให้ข้อสังเกตและการทำกิจกรรมร่วมกัน
นอกจากจุดเด่นของห้องเรียนเสมือนที่กล่าวมาแล้วนั้นในทางกลับกัน ข้อจำกัดของห้องเรียนเสมือนอาทิเช่น
1. แหล่งเรียนมีจำกัด
ในปัจจุบันยังมีสถาบันที่เสนอรายวิชาแบบห้องเรียนเสมือนจำกัดมากทำให้ยังมี
ข้อจำกัดเกี่ยวกับแหล่งที่จะเรียนในปัจจุบัน
2. เครื่องมือที่จำเป็น
ผู้เรียนจะต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ และโมเด็มที่บ้าน
หรือที่ทำงานพร้อมที่จะติดต่อเชื่อมเข้ากับโปรแกรมห้องเรียนเสมือน ดังนั้น
การเรียนในระบบห้องเรียนเสมือน
จึงดูคล้ายกับผู้เรียนจะต้องมีฐานะทางเศรษฐกิจดีพอสมควรหรือไม่ก็จะต้องทำ
งานในองค์กรที่มีอุปกรณ์เหล่านี้ และพร้อมจะสนับสนุนให้เข้าเรียนได้
3. การให้ข้อมูลย้อนกลับล่าช้า การสื่อสารในชั้นเรียนปกติ
จะเป็นการสื่อสารแบบพบหน้า
การถามคำถามจะได้รับคำตอบทันทีทันใดแต่ในสื่อที่มีการเรียนแบบภาวะต่างเวลา
อาจจะต้องรอข้อมูลย้อนกลับ อาจจะเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน
ยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งผู้สอนอาจจะทำให้ข้อมูลย้อนกลับแบบเป็นกลุ่มแบบรวมๆ
มิได้เฉพาะเจาะจง
ให้กับผู้เรียนคนใดคนหนึ่งอย่างไรก็ตามการให้ข้อมูลย้อนกลับทันทีทันใด
สำหรับห้องเรียนเสมือน สามารถกระทำได้
ถ้าผู้ที่ร่วมเรียนทุกคนติดต่อกันแบบอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมๆกัน
การพูดคุยการให้ข้อมูลย้อนกลับกันและกันจะต้องมีการเตรียมข้อความสำเร็จรูป
จะทำให้การติดต่อระหว่างกันและกันภายในกลุ่มรวดเร็วยิ่งขึ้น
แต่โดยส่วนมากและการเรียนแบบห้องเรียนเสมือนมักจะนิยมใช้แบบภาวะต่างเวลา
จึงทำให้คำตอบที่ได้รับล่าช้าออกไป
4. ทักษะเอกสาร ผู้เรียนที่จะเรียนในระบบห้องเรียนเสมือน
จะต้องมีทักษะในการอ่านและการเขียนเป็นอย่างดีเพราะผู้เรียนต้องใช้ทักษะใน
การใช้เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เพื่อการติดต่อสื่อสาร การใช้ซอฟต์แวร์
ตลอดจนการแก้ไขปัญหาขัดข้องจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้นได้
ที่มาข้อมูล : http://edu.chandra.ac.th
บบททเ้ะำ้บ[[[,pokopgjkeqบบบบการศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
การศึกษาประชารัฐ FOCUS
ที่พัฒนาครู
โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
หลังการประชุมคณะทำงานร่วมรัฐ เอกชน ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง 12 ชุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามความคืบหน้า
รับฟังข้อเสนอและโครงการของแต่ละคณะทำงาน
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้
จอมเทียน จ.ชลบุรี คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าทีมภาครัฐ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์
หัวหน้าทีมภาคเอกชน
จัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานแก่ผู้บริหารโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนต้นแบบโครงการระยะที่ 1 ทั่วประเทศ 3,342 โรงเรียน
ผู้เข้าร่วมกว่า 3,500 คน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคเอกชนกว่า 25 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ
ภาคเอกชนจะเข้าร่วมสนับสนุน 3 โครงการ คือ
1.โครงการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการศึกษา 10 ด้าน
2.โครงการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ CONNEXT Ed
3.โครงการมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นเลิศด้านงานวิจัย
โรงเรียนที่จะได้รับการพัฒนาตามโครงการภายใต้การดูแลและให้ความช่วยเหลือของ
School Partners จากภาคเอกชน 1,000 คน นอกจากนี้จะมี School Sponsor
ที่เป็นผู้บริหารระดับ CEO หรือ CEO-1
จะเข้าไปเรียนรู้กับผู้บริหารสถานศึกษาและร่วมพัฒนาโรงเรียน
ภาคเอกชนจะสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนปีละ 500,000-1,000,000 บาท
คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จะมีการลงนาม MOU กับ 12
องค์กรที่จะเข้าร่วมโครงการภายใน 2 สัปดาห์
หลังจากนี้องค์กรเหล่านี้จะดูแลโรงเรียนทั้ง 18 ภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ
ภาคเอกชน 1 องค์กรจะดูแลสถานศึกษาใน 1-2 ภาค
ส่วนกลไกเพื่อรองรับโครงการทั้งหมดมีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยลงไปอีก 5 คณะ
1.คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการศึกษา
2.คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ
และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ 3.คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู
และการมีส่วนร่วมของชุมชน 4.คณะทำงานด้านพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
และการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 5.คณะทำงานพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา
ค้นคว้า วิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมของผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่
เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค
ทุกคณะได้รับคำสั่งให้สนับสนุนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ให้เต็มที่
ครับ ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการศึกษารอบใหม่แล้ว เรียกว่า
เดินหน้าเต็มสูบ ว่างั้นเถอะ
ประชารัฐ หัวใจก็คือ การดึงภาคเอกชน ประชาสังคม มาร่วมรับผิดชอบ ส่งเสริม
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้มากขึ้น หาผู้มาร่วมลงขันเพิ่มนั่นเอง
หลังจากที่งานวิจัยพบว่า
การจัดงบประมาณเพื่อจัดการศึกษาของไทยสูงติดอันดับต้นๆ
ของโลกและกลุ่มประเทศอาเซียน
แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนกลับอยู่
อันดับท้ายๆ
ประเด็นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าขาดแคลนงบประมาณ ขาดการสนับสนุน
แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ
โครงการไปในทิศทางและจุดที่ควรจะทุ่มเทลงไปก่อนหลังตามลำดับมีประสิทธิภาพ
แค่ไหนต่างหาก
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน การเติมความช่วยเหลือ
เติมงบประมาณลงไปตามโครงการขนาดใหญ่ยักษ์
ทั้งงบประมาณรัฐและภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่ระดมได้มากน้อยจำนวนเท่าไหร่
แต่หัวใจอยู่ที่ว่า จะสนับสนุนไปที่ไหน บริหารจัดการอย่างไร
วิธีใช้งบประมาณที่เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าสูงสุด
ฉะนั้นต้องกลับมาสู่หลัก คิดใหญ่ ทำย่อย เห็นผลชัด เห็นผลเร็ว
หากผิดพลาดเสียหายก็เสียหายน้อยสุด อยู่ในวงจำกัด
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการจัดศึกษา
เริ่มตั้งแต่การจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ไอซีที
ทักษะการสื่อสาร เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดี แต่คานงัดสำคัญ หัวใจอยู่ที่คน ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูและผู้บริหาร
ข้อเสนอของผมต่อแนวทางการดำเนินงานของโครงการประชารัฐด้านการศึกษา
ควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาครูให้หนัก เป็นหลักก่อน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ครู ครูปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การเรียนการสอน จากที่เคยสั่งและสอนเป็นหลัก
มาร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน
จากที่เคยใช้อำนาจเป็นหลัก มาใช้ความรักเป็นฐาน ที่ผ่านมามีกระบวนการดีๆ
ที่เห็นผลมาแล้วหลายรูปแบบ
ซึ่งลึกซึ้งและเกิดผลที่ตัวครูจริงๆ ยิ่งกว่าโครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
ครูครบชั้น ครูตรงสาขา ครูคืนถิ่น
อบรมครูออนไลน์ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้เพราะยังวนเวียนอยู่กับครูคนเก่า
ขณะที่ความจำเป็นของยุคสมัยคือทำให้ครูคนเก่าเป็นครูคนใหม่ที่มีจิตวิญญาณ
ครูเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน เด็กเปลี่ยน ครูเปลี่ยน ครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-78761-การศึกษาประชารัฐ-FOCUS-ที่พัฒนาครู.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น